5 เรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดหรูในกรุงเทพฯ
คอนโดหรูในกรุงเทพฯ ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ด้วยความสะดวกสบายสไตล์คอนโด ผสมกับความหรูหราครบครัน ทำให้ได้ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งาน เดินทางง่าย ครบครันสิ่งอำนวยความสะดวก และได้ดื่มด่ำไปกับความหรูหราจากการออกแบบภายนอกและภายในโครงการ
นิยามคอนโดหรู
สำหรับคอนโดหรูนั้น หมายถึงคอนโดที่ราคาเริ่มตั้งแต่ 250,000 บาท/ตารางเมตร ขึ้นไป โดยมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้คอนโดหรูมีราคาสูงกว่าคอนโดทั่วไป เช่น
-
ทำเลที่ตั้ง
คอนโดหรูนิยมตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เช่น สุขุมวิท สาทร และลาดพร้าว เป็นต้น โดยที่ดินในทำเลศักยภาพนี้มีราคาค่อนข้างสูงกว่าทำเลทั่วไป และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จึงจัดเป็นทำเลศักยภาพ หรือทำเลทอง
-
ออกแบบแนวหรูหรา
การออกแบบภายนอกและภายในทั้งโครงการให้ดูหรูหรา ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยสะท้อนจุดเด่นของโครงการได้เป็นอย่างดี หลายคอนโดหรูมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำที่ราคาสูง และมีคุณภาพดี
-
วัสดุสำหรับการก่อสร้างคุณภาพสูง
เป็นการใช้วัสดุสำหรับการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทาน แต่ก็มีราคาที่สูงตามไปด้วยเช่นกัน
-
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
คอนโดหรูมักมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่ Co-Working Space และอื่นๆ ในบางคอนโดอาจเพิ่มจุดเด่นด้วยบริการพิเศษสำหรับผู้อยู่อาศัย เช่น บริการ Room Service ซึ่งเป็นบริการสั่งอาหารที่ส่งให้ถึงห้อง คล้ายกับที่มีในโรงแรม
-
ระบบความปลอดภัยแน่นหนา
ระบบความปลอดภัยที่แน่นหนาจะช่วยสร้างความรู้สึกสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่ระบบที่ใช้ตรวจคนเข้า-ออก กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ และระบบล็อกประตู ไปจนถึงบริษัทรักษาความปลอดภัยที่เลือกใช้
เรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดหรูในกรุงเทพฯ
สำหรับใครที่ต้องการซื้อคอนโดหรูในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง หรือเป็นการซื้อเพื่อลงทุน มีเรื่องน่ารู้ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดหรู ดังนี้
ข้อแตกต่างระหว่าง Presale และ Resale
- Presale: คือ การซื้อคอนโดก่อนที่จะสร้างเสร็จ ซึ่งราคา Presale มักมีราคาถูกกว่าราคาขายตอนคอนโดสร้างเสร็จ พร้อมสิทธิประโยชน์ที่บริษัทเจ้าของโครงการออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยการซื้อราคา Presale จะทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า
- Resale: คือ การซื้อคอนโดต่อจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อต่อจากใบจอง ซื้อดาวน์คอนโดต่อจากผู้อื่น หรือซื้อกรรมสิทธิ์ต่อจากผู้อื่น ซึ่งราคา Resale มักจะสูงกว่าราคา Presale
คอนโด Low Rise หรือ High Rise
- Low Rise: คือ คอนโดที่ไม่ความสูงไม่เกิน 8-9 ชั้น หรือความสูงไม่เกิน 23 เมตร ทำให้ใน 1 อาคาร มีจำนวนยูนิตห้องน้อย มีความเป็นส่วนตัวสูง มักมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่าคอนโด High Rise
- High Rise: คือ คอนโดที่มีความสูง 20-30 ชั้น ขึ้นไป หรือความสูงตั้งแต่ 23 เมตร มีราคาเริ่มต้นสูงกว่าคอนโด Low Rise
ชื่อเสียงของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
การพิจารณาชื่อเสียงของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
- พิจารณาภาพลักษณ์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจมีชื่อเสียงในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการก่อสร้าง หรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจมีชื่อเสียงด้านการออกแบบ
- พิจารณาความมั่นคงทางการเงิน เป็นการป้องกันโครงการล้มพับไประหว่างก่อสร้าง หรือระหว่างที่กำลังผ่อนจ่ายกับธนาคาร
- พิจารณาบริการหลังการขาย ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางเจ้ามีบริการหลังการขายให้กับนักลงทุน เช่น บริการหาผู้เช่า หรือบริการหาผู้ซื้อต่อ เป็นต้น
เลือกลักษณะยูนิตที่ต้องการ
โครงการคอนโดแต่ละห้องมักมีลักษณะยูนิตให้เลือกแตกต่างกันออกไป ซึ่งเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ไม่เหมือนกัน
- ห้องสตูดิโอ: มีขนาดตั้งแต่ 20-30 ตารางเมตร เหมาะกับการอยู่คนเดียว
- 1 ห้องนอน: มีขนาด 30-50 ตารางเมตร และแบ่งส่วนต่างๆ ของห้องอย่างชัดเจน เหมาะกับการอยู่คนเดียว แต่มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมมากขึ้น
- 1 ห้องนอน พลัส: มีขนาดไม่เกิน 50 ตารางเมตร แต่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มมา 1 ห้อง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนไปห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือห้องนอนเล็กก็ได้
- 2 ห้องนอน: มีขนาดตั้งแต่ 50-100 ตารางเมตร เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย 2 คน
- Loft หรือ Duplex: โดดเด่นด้วยเพดานที่สูงกว่าเพดานห้องทั่วไป ซึ่งมีความสูงตั้งแต่ 4.5-5 เมตร
- Penthouse: พื้นที่ใช้สอยระดับ 100 ตารางเมตรขึ้นไป มักอยู่ส่วนบนสุดของอาคาร มองเห็นวิวได้กว้างไกล
สำรวจรายได้และความพร้อมทางการเงิน
- ความสามารถในการผ่อนชำระ: เงินเดือน x 40% – หนี้สินที่มีอยู่ = ความสามารถผ่อนชำระ ยกตัวอย่างผู้มีรายได้ต่อเดือน 50,000 บาท มีหนี้สินที่ต้องชำระต่อเดือน 5,000 บาท ดังนั้นจะมีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายก่อนผ่อนคอนโด: ค่าเงินจอง ค่าทำสัญญา ค่าเงินดาวน์ ค่าจดจำนอง และอื่นๆ ไปจนถึงค่าขนย้ายของเข้าคอนโด
ในกรณีที่กู้กับธนาคาร ผู้กู้ควรมีอายุไม่เกิน 65 ปี ซึ่งปกติธนาคารมักจะปล่อยกู้ให้กับผู้ที่มีอายุ 30-45 ปี โดยผู้กู้จะต้องไม่มีภาระหนี้สินที่มากเกินไป จนธนาคารมองว่าผู้กู้จะไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ รวมถึงต้องมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่ผิดนัดชำระ
125 Sathorn คอนโดหรูย่านสาทร
โครงการคอนโดหรูในกรุงเทพฯ ย่านสาทรที่ผสานระหว่างความเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ เข้ากับความหรูหราได้อย่างลงตัว ออกแบบภายใต้แนวคิดความสมดุลระหว่างธรรมชาติและไลฟ์สไตล์คนเมือง ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานนานาชาติ แหล่งคอมมูนิตี้ดัง ร้านอาหารมิชลินสตาร์ชั้นนำ และแลนด์มาร์กสำคัญในกรุงเทพฯ
เชื่อมต่อทุกความสะดวกสบาย ด้วยทำเลพื้นที่โครงการหน้ากว้าง 97 เมตร ติดถนนสาทรเส้นหลัก ซึ่งเป็นทำเลแห่งสุดท้ายบนถนนสาทร ทำให้เส้นทางคมนาคมขนส่งมีหลากหลาย ทั้งสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลุมพินี และทางด่วน 2 ทิศทาง ทำให้เดินทางเข้าออกตัวเมืองได้อย่างสะดวก
โครงการคอนโด 125 Sathorn เป็นโครงการแบบ Freehold มีทั้งหมด 2 อาคาร สูง 36 ชั้น จำนวนยูนิตทั้งหมด 755 ยูนิต ซึ่งมีวิวทั้ง City View และ Park View ทำให้มองเห็นวิวมุมกว้างจากทุกยูนิต ภายในอาคารมีประกอบด้วยห้องชุด 1-4 ห้องนอน (28.55 – 178.90 ตร.ม.) เป็นเพนต์เฮาส์ดูเพล็กซ์ (163.60 – 330.60 ตร.ม.) และเพนต์เฮาส์ (260.75 – 282.85 ตร.ม.)
นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างครบถ้วน เช่น สระว่ายน้ำขนาดกว้าง 50 เมตร สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก Sanctuary Spa & Salon ห้องซาวน่า ฟิตเนส ห้องซ้อมดนตรี ห้องสมุด ห้องโยคะ และ Sky Facilities ซึ่งโครงการ 125 สาทรได้ผ่านการอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรียบร้อย และเริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาดการณ์แล้วเสร็จในปี 2569 ตามกำหนด
สำหรับใครที่กำลังสนใจคอนโดหรูในกรุงเทพฯ โครงการ 125 Sathorn ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจด้วยความได้เปรียบในการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว หรือแม้แต่การเข้าพักอาศัยเองก็ตาม สามารถเข้ามาเยี่ยมชมโครงการผ่านการกรอกรายละเอียดข้อมูลเพื่อนัดชมห้องชุดตัวอย่างแบบส่วนตัว หรือสามารถเดินทางมายัง Sale Gallery บนถนนสาทร การเยี่ยมชมจะเป็นแบบส่วนตัว
หากสนใจหรือต้องการหาข้อมูลโครงการเพิ่มเติม ตลอดจนลงทะเบียนเพื่อเยี่ยมชม สามารถติดต่อได้ผ่านเว็บไซต์ www.125Sathorn.com โทรศัพท์ +6691-125-8558 หรือทางอีเมล info@125sathorn.com